12/6/54
14/5/54
ไหว้พระสวดมนต์
Posted by บุลวัชร on 01:52
ผู้ที่ศรัทธา นับถือ เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีจำนวนไม่น้อยที่อยากจะสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน หรือเวลาไหนก็ตาม แต่ลังเลไม่มั่นใจหลังจากตั้งนะโมสามจบแล้วจะเอาบทสวดบทไหนดี คาถาไหนดี บางทีก็ถูกแนะนำให้สวดบทวันเกิดของตนเองบ้าง บทนี้บ้าง บทนั้นบ้าง ต้องสวดให้ครบจำนวนอายุของตนเองด้วยนะ ฟังแล้วก็...อืมมม คำแนะนำเหล่านี้ใช้ได้ผลกับ
28/2/54
น้ำพริกเผาอย่างง่าย
Posted by บุลวัชร on 21:08

หลายคนถามวิธีทำน้ำพริกเผาอย่างง่ายกับพิมมา พอดีพิมมีภาพและวิธีทำอยู่ในคอมส์แล้ว ก็เลยขอลัดคิวเอามาโพสต์ให้ก่อนเลยนะคะ
หมายเหตุ :: สูตรนี้ เป็นคนละสูตรกับที่พิมทำขายนะคะ ที่พิมทำขาย จะมีส่วนผสมและขั้นตอนมากกว่านี้อ่ะค่ะ

... พิมไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะนะคะ (เนื่ีองจากนึกมุขไม่ออก ฮ่าๆๆ) ........ ^^ ขอเริ่มเลยล่ะกันค่า
:: ส่วนผสมและวิธีทำ ::
- พริกแห้งเม็ดใหญ่ 50 กรัม
- พริกแห้งเม็ดเล็ก 40 เม็ด
- หอมแดงปอกแล้วหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
- กระเทียมไทยปอกแล้ว 1/2 ถ้วย
- เกลือนิดหน่อย
- น้ำมันสำหรับผัดน้ำพริกเผา ประมาณ 1 ถ้วยหรือมากกว่า
- พริกแห้งเม็ดเล็ก 40 เม็ด
- หอมแดงปอกแล้วหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
- กระเทียมไทยปอกแล้ว 1/2 ถ้วย
- เกลือนิดหน่อย
- น้ำมันสำหรับผัดน้ำพริกเผา ประมาณ 1 ถ้วยหรือมากกว่า
ป.ล. ถ้าชอบน้ำพริกเผาที่เผ็ดกว่านี้ ให้เพิ่มปริมาณพริกขี้หนูนะคะ / สูตรนี้ เป็นน้ำพริกเผารสชาติกลาง ๆ ค่ะ

:: วิธีทำ ::
เมื่อเราเตรียมเครื่องต่าง ๆ ตามที่บอกไว้ข้างบนเรียบร้อยแล้ว .... เราก็มาเริ่มต้นทำน้ำพริกเผาแบบง่ายๆ (มากๆ) ด้วยคั่วพริกเป็นอันดับแรกก่อนนะคะ การคั่วพริกสำหรับทำน้ำพริกเผาเนี่ย ก็ให้คั่วแบบใจเย็น ๆ ค่ะ ใช้ไฟกลางค่อนมาทางอ่อน โดยคั่วให้กรอบ และมีสีเข้มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยค่ะ ........ อ้อๆ ระหว่างคั่วก็ใส่เกลือลงไปด้วยค่ะ จะช่วยลดความฉุนของพริกได้ .... ซึ่งจะแยกคั่วพริกแต่ละชนิด หรือคั่วพร้อมกันไปเลยก็ได้นะคะ
ป.ล. พริกทั้งสองชนิดเลือกเอาเม็ดที่ไม่มีรา ไม่มีรอยหนูแทะ ไม่มีรอยเน่า .. เลือกได้แล้วก็เอาไปล้าง ตากแดดให้แห้งหรือแค่พอหมาด ๆ ก็ได้ แล้วค่อยนำมาหั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ ค่ะ

นี่ค่ะ ..... คั่วให้กรอบและสีเข้มประมาณนี้

พอคั่วเสร็จแล้ว ก็นำพริกทั้งสองอย่างมารวมกัน แล้วก็โขลกให้ละเอียด ...... (ถ้าเอามาทำต้มยำ ไม่ต้องละเอียดมาก แต่ถ้าจะเอามาทำน้ำพริกเผาทาขนมปัง ต้องให้ละเอียดแบบหน่อยค่ะ) .... แล้วก็ตักใส่ถ้วย พักเอาไว้ก่อน

จากนั้นก็มาคั่วหอมกระเทียมต่อค่ะ .... จะคั่วพร้อมกัน หรือคั่วแยกกันก็ได้ (ทำเยอะแยก ทำน้อยไม่ต้องแยก) .... ใช้ไฟกลาง ๆ ค่ะ คั่วจนหอมกระเทียมสุก (ใส) และสีเข้มขึ้นเล็กน้อยก็ใช้ได้

พอคั่วเสร็จ ก็เอามาโขลกให้ละเอียดเช่นเดียวกันค่ะ

พอโขลกหอมกระเทียมละเอียดแล้ว ก็เอาพริกแห้งที่เราโขลกไว้เมื่อกี้ใส่ลงไป แล้วก็โขลกรวมกันอีกทีค่ะ

แล้วเราก็จะได้น้ำพริกเผาที่ยังไม่ได้เอาไปผัดกับน้ำมัน .......... หน้าตาแบบนี้ล่ะนะคะ

จากนั้นก็ให้เราตั้งกระทะค่ะ ใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันสำหรับผัด และก็น้ำพริกเผาที่เราตำไว้เมื่อกี้ลงไป ...... แล้วก็ผัดๆ ไปเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าน้ำพริกเผาแห้ง ก็เติมน้ำมันลงไปได้อีก ปริมาณน้ำมันเนี่ยตามชอบเลยนะคะ .... ก็ผัดไปประมาณสัก 1/2 ชม. น้ำพริกเผาเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ก็จะใช้ได้ค่ะ (แต่ถ้าน้อย ๆ สัก 20 นาทีก็พอ)

เสร็จแล้วเราก็จะได้น้ำพริกเผาอย่างง่าย ๆ..... ออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ

ก็เอาไปใส่ต้มยำ ทำข้าวผัดน้ำพริกเผา หรือทำพวกเนื้อสัตว์ผัดน้ำพริกเผา .... ก็อร่อยและหอมมากเลยค่ะ ยังไงเพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ก็ลองทำดูนะคะ ^^
อ้อๆ .... ถ้าจะเอาไปทำน้ำพริกเผาแบบคลุกข้าว ก็ให้ลดปริมาณน้ำมันที่ใช้ลงให้เหลือน้อยที่สุด กะว่าแค่พอผัดน้ำพริกเผาได้ แล้วก็ปรุงรส (ขณะผัด) ด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาดี ๆ ให้ออกเป็นสามรส (แต่ไม่ต้องรสจัดนัก) ก็จะได้น้ำพริกเผาสำหรับคลุกข้าวที่อร่อยมากเช่นกันค่ะ .... ยังไงก็ ลองดูนะคะ ^^

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.pim.in.th
24/2/54
น้ำพริกปลาร้า ฉบับเร่งรัด
Posted by บุลวัชร on 09:00
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
1. กระเทียมไทย 20 กรัม (1 หัวใหญ่)
2. หอมแดงไทย 30 กรัม (2 หัวใหญ่)
3. พริกขี้หนูแดงเม็ดใหญ่ 10-15 กรัม
4. พริกหยวกเม็ดเรียว 10 กรัม (1 เม็ดครึ่ง)
5. ปลาทูย่างแกะเอาแต่เนื้อ 30 กรัม (1 ตัวเล็ก)
6. น้ำปลาร้า 2 ชต.
7. น้ำต้มสุก 3 - 4 ชต.
8. น้ำมะนาว 1/2 - 1 ลูก
9. น้ำปลา 1 - 2 ชต.
10. น้ำตาลทรายเล็กน้อย 1/4 ชช. (หรือไม่ใส่)
11. ผักสดสำหรับกินกับน้ำพริก (แตงกวา , ถั่วพู , ถั่วฝักยาว , ผักบ้งลวก , ผักชีล้อม , ขมิ้นขาว , มะเขือ , ดอกแคลวก , ยอดแค , ฯลฯ)
ดูหน้าตาก็แล้ว ดูส่วนผสมก็แล้ว ต่อไปมาดูวิธีทำกันนะคะ
:: วิธีทำ ::
ก่อนอื่น .... พิมอยากบอกว่า ถ้าเป็นน้ำพริกปลาร้าฉบับดั้งเดิม เครื่องทุกอย่าง ไม่ว่าจะกระเทียม - หอม - พริก - ปลาทู ... เค้าจะใช้วิธีย่างเพื่อให้สุกหอมเอานะคะ แต่ว่าพิมทำกินถ้วยเล็ก ๆ ถ้วยเดียว จะมานั่งย่างรึก็คงจะเปลืองถ่าน เปลืองเวลา เพราะงั้น พิมเลยขอใช้หลักสูตรเร่งรัด คือใช้การคั่วเครื่องทุกอย่างแทนการย่างนะคะ ซึ่งทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดถ่านไปได้เยอะเลยค่ะ (แต่จะหอมน้อยกว่านิดนึง)
อันดับแรก .... มาดูที่กระเทียมค่ะ ..... น้ำพริกปลาร้า หรือน้ำพริกไทย ๆ เราทุกชนิด ให้เลือกใช้กระเทียมไทยในการทำนะคะ จะกลีบเล็กกลีบใหญ่ ก็ตามชอบเลยค่ะ ขอให้เป็นกระเทียมไทยก็พอ
นำเอากระเทียมมาตัดหัวท้าย แล้วปอกเปลือกแข็ง ๆ ทิ้งไป + หั่นเป็นชิ้นย่อม ๆ หน่อยนะคะ (หัวนึงหั่นเป็นสัก 2 ชิ้น / อย่าหั่นบางมาก เวลาเอาไปคั่ว จะไหม้ง่าย)
หอมแดงก็เช่นกัน เลือกหัวไม่เน่า ไม่ฝ่อ ไม่มีราขึ้น ปอกเปลือก ล้างน้ำสักครึ่ง แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง
พริกขี้หนูแดง และพริกหยวกก็เหมือนกันค่ะ ล้างน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาพอประมาณ ... ใครชอบเผ็ด ไม่ต้องเอาเม็ดพริกออก ใครไม่ชอบเผ็ดให้เอาเม็ดพริกออก หรือเลือกพริกหยวกพันธุ์ที่เม็ดพอง ๆ อ้วน ๆ เนื้อพริกบางใสอ่ะค่ะ ซึ่งจะเป็นพันธุ์ที่เผ็ดน้อยกว่าพริกหยวกเม็ดยาว เนื้อพริกหนาแบบในภาพ
ป.ล. สำหรับพริก ... ถ้าทำตามแบบดั้งเดิม จะใช้วิธีการเสียบไม้ย่างเตาถ่านอ่อน ๆ จนกระทั่งพริกสุกค่ะ / ซึ่งถ้าเป็นพริกแดง พอย่างสุกแล้วเอาไปตำได้เลย แต่ถ้าเป็นพริกหยวก ย่างเสร็จแล้ว จะต้องลอกเปลือกออกก่อน ถึงจะเอาไปตำได้นะคะ
นำหอม + กระเทียม + พริกหยวกมารวมกันเอาไว้ก่อนค่ะ
จากนั้นก็มาดูส่วนผสมอย่างอื่นกันต่ะ
น้ำปลาร้า ..... พิมใช้น้ำปลาร้าที่หมักจากปลากระดี่ค่ะ ซึ่งปลาร้ากระปุกนี้ ลุงข้างบ้านซื้อมาฝากค่ะ หอมมาก ๆ อายุอานามที่อยู่กับที่บ้านพิมก็ไม่น่าจะต่ำกว่าปีครึ่งแล้วนะคะ
ตักเอาเฉพาะน้ำปลาร้าข้นประมาณ 2 ชต. .... แล้วผสมกับน้ำต้มสุกอีก 2 ชต. นำไปต้มให้เดือด แล้วยกลงพักไว้ให้เย็นค่ะ (ไม่มีภาพตอนต้ม และภาพน้ำปลาร้าที่ต้มเสร็จแล้วให้ดูนะคะ เพราะว่าไม่ได้ถ่ายไว้น่ะค่ะ)
ปลาทู .. พิมใช้ปลาทูเข่ง เอามาทอดน้ำมันน้อย ๆ ค่ะ .... ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วแกะเอาไว้เฉพาะเนื้อปลา (ใครไม่ใช้ปลาทู จะใช้ปลาดุก ปลาช่อนก็ได้นะคะ)
ป.ล. ถ้าเอาวิธีดั้งเดิม เค้าจะทำปลาไปย่างค่ะ แต่ปัจจุบันบางคนก็นำมาทอด บางคนก็นำไปต้มค่ะ
สุดท้าย มะนาว ..... ก็หั่นไว้เป็นเสี้ยว ๆ นะคะ
เมื่อเตรียมเครื่องต่างๆ ครบ ก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ ....... อันดับแรก เอาเครื่องหอม กระเทียม พริก ... ลงไปคั่วในกระทะให้สุกดี และส่งกลิ่นหอม
คั่วไปจนสุกดี ได้ออกมาเป็นแบบนี้นะคะ (เนื้อพริก - หอม - กระเทียมจะใส)
นำทั้งหมดเทใส่ครกค่ะ ตามด้วยเนื้อปลาทูที่เราแกะเอาไว้
แล้วก็โขลกให้แหลกตามต้องการ (พิมชอบให้หยาบ ๆ หน่อยค่ะ มีความรู้สึกว่าถ้าโขลกละเอียดมาก มันจะเละเป็นเลน)

สุดท้ายก็ตักใส่ถ้วย ...... พร้อมผักสดหลาย ๆ ชนิด ........ แค่นี้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมแล้วค่ะ ^^

หลายคนเคยถามพิมว่า เจ้าน้ำพริกชนิดนี้กินกับผักสดอะไรแล้วมันถึงจะเข้ากั๊นนนน เข้ากันนน ........ พิมก็อยากจะตอบว่า มีหลายผักเลยอ่ะค่ะ ..... ยกตัวอย่างเช่น "แตงกวา"
ผักกาดขาว ....... (จะสดหรือลวก ก็อร่อยทั้งนั้น) , มะเขือพวง , มะเขือเปราะ , ผักบุ้งลวก , ขมิ้นขาว , ถั่วพูฝักอ่อน ๆ .... ฯลฯ
หรือแม้แต่ผักแปลก ๆ ที่เราไม่เคยคุ้นกันอย่าง "ผักชีล้อม" .... ก็กินคู่กับน้ำพริกปลาร้า ได้อร่อยมากมายเชียวล่ะค่ะ ^^
ว่าแล้ว ....... เพื่อน ๆ จะรับ "น้ำพริกปลาร้า" ..... สักถ้วยไหมค่ะ ^^

1. กระเทียมไทย 20 กรัม (1 หัวใหญ่)
2. หอมแดงไทย 30 กรัม (2 หัวใหญ่)
3. พริกขี้หนูแดงเม็ดใหญ่ 10-15 กรัม
4. พริกหยวกเม็ดเรียว 10 กรัม (1 เม็ดครึ่ง)
5. ปลาทูย่างแกะเอาแต่เนื้อ 30 กรัม (1 ตัวเล็ก)
6. น้ำปลาร้า 2 ชต.
7. น้ำต้มสุก 3 - 4 ชต.
8. น้ำมะนาว 1/2 - 1 ลูก
9. น้ำปลา 1 - 2 ชต.
10. น้ำตาลทรายเล็กน้อย 1/4 ชช. (หรือไม่ใส่)
11. ผักสดสำหรับกินกับน้ำพริก (แตงกวา , ถั่วพู , ถั่วฝักยาว , ผักบ้งลวก , ผักชีล้อม , ขมิ้นขาว , มะเขือ , ดอกแคลวก , ยอดแค , ฯลฯ)
:: วิธีทำ ::
ก่อนอื่น .... พิมอยากบอกว่า ถ้าเป็นน้ำพริกปลาร้าฉบับดั้งเดิม เครื่องทุกอย่าง ไม่ว่าจะกระเทียม - หอม - พริก - ปลาทู ... เค้าจะใช้วิธีย่างเพื่อให้สุกหอมเอานะคะ แต่ว่าพิมทำกินถ้วยเล็ก ๆ ถ้วยเดียว จะมานั่งย่างรึก็คงจะเปลืองถ่าน เปลืองเวลา เพราะงั้น พิมเลยขอใช้หลักสูตรเร่งรัด คือใช้การคั่วเครื่องทุกอย่างแทนการย่างนะคะ ซึ่งทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดถ่านไปได้เยอะเลยค่ะ (แต่จะหอมน้อยกว่านิดนึง)
อันดับแรก .... มาดูที่กระเทียมค่ะ ..... น้ำพริกปลาร้า หรือน้ำพริกไทย ๆ เราทุกชนิด ให้เลือกใช้กระเทียมไทยในการทำนะคะ จะกลีบเล็กกลีบใหญ่ ก็ตามชอบเลยค่ะ ขอให้เป็นกระเทียมไทยก็พอ
นำเอากระเทียมมาตัดหัวท้าย แล้วปอกเปลือกแข็ง ๆ ทิ้งไป + หั่นเป็นชิ้นย่อม ๆ หน่อยนะคะ (หัวนึงหั่นเป็นสัก 2 ชิ้น / อย่าหั่นบางมาก เวลาเอาไปคั่ว จะไหม้ง่าย)


ป.ล. สำหรับพริก ... ถ้าทำตามแบบดั้งเดิม จะใช้วิธีการเสียบไม้ย่างเตาถ่านอ่อน ๆ จนกระทั่งพริกสุกค่ะ / ซึ่งถ้าเป็นพริกแดง พอย่างสุกแล้วเอาไปตำได้เลย แต่ถ้าเป็นพริกหยวก ย่างเสร็จแล้ว จะต้องลอกเปลือกออกก่อน ถึงจะเอาไปตำได้นะคะ

น้ำปลาร้า ..... พิมใช้น้ำปลาร้าที่หมักจากปลากระดี่ค่ะ ซึ่งปลาร้ากระปุกนี้ ลุงข้างบ้านซื้อมาฝากค่ะ หอมมาก ๆ อายุอานามที่อยู่กับที่บ้านพิมก็ไม่น่าจะต่ำกว่าปีครึ่งแล้วนะคะ
ป.ล. ถ้าเอาวิธีดั้งเดิม เค้าจะทำปลาไปย่างค่ะ แต่ปัจจุบันบางคนก็นำมาทอด บางคนก็นำไปต้มค่ะ



แล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลาร้า น้ำต้มสุก และก็น้ำปลา ...... บางคนอาจจะอยากให้รสกลมกล่อม ก็เติมน้ำตาลลงไปนิดนึงก็ได้ค่ะ แต่ว่าพิมไม่ได้เติมนะคะ ..... แล้วก็คนให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.pim.in.th
22/2/54
น้ำพริกปลาร้า
Posted by บุลวัชร on 23:30
ส่วนผสม
ปลาดุกอุย หรือปลาช่อน หนัก 200 กรัม 1 ตัว
น้ำปลาร้า 1/4 ถ้วย
ข่าทุบ 1 แง่ง
พริกขี้หนูสด 10 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 1 หัว
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
ผักชี 1 ต้น
ผักสดต่าง : แตงกวา มะเขือ ถั่วฝักยาว ยอดกระถิน
วิธีทำ
1. ขูดเมือกปลาดุกออก ควักไส้และเหงือกทิ้ง ล้างให้สะอาด ใส่ในหม้อต้มกับน้ำปลาร้าและข่าทุบ เติม น้ำ 1 ถ้วย ต้มจนสุก
2. เผาหอม กระเทียม พริก แล้วปอกเปลือกหอมกระเทียม โขลกกับพริก อย่าให้ละเอียดมากเกินไป
3. แกะเนื้อปลาดุกอุย โขลกกับกระเทียม หอมแดง ค่อย ๆ เติมน้ำปลาร้า (ระวังเค็ม)
4. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ รับประทานคู่กับผักสด
16/2/54
น้ำพริกกะปิกุ้งแห้ง
Posted by บุลวัชร on 18:18
ส่วนผสมและเครื่องปรุง น้ำพริกกะปิกุ้งแห้ง
1. กะปิอย่างดี 30 กรัม
2. น้ำตาลปี๊บอย่างดี 25 กรัม
3. พริกขี้หนูสวน 20-25 เม็ด
4. กระเทียมไทย 10 กลีบ
5. กุ้งแห้งป่น 1.5 ชต. หรือกุ้งแห้งเนื้อตัวโต ๆ หน่อย 5-6 ตัว
6. น้ำต้มสุก 1 ชต.
7. น้ำมะนาว 2-2.5 ชต.
2. น้ำตาลปี๊บอย่างดี 25 กรัม
3. พริกขี้หนูสวน 20-25 เม็ด
4. กระเทียมไทย 10 กลีบ
5. กุ้งแห้งป่น 1.5 ชต. หรือกุ้งแห้งเนื้อตัวโต ๆ หน่อย 5-6 ตัว
6. น้ำต้มสุก 1 ชต.
7. น้ำมะนาว 2-2.5 ชต.
8. น้ำปลาดี 2-2.5 ชต.
วิธีทำ น้ำพริกกะปิกุ้งแห้ง
เริ่มต้นก็เอากะปิไปห่อใบตองย่างให้หอมก่อนนะคะ แต่พิมใช้วิธีเอาเข้าเตาอบแทนค่ะ เพราะว่าขี้เกียจจุดเตาถ่าน ก็ห่อใบตองหลายชั้นนิดนึงแล้วเอาไปย่างไฟกลาง พอกะปิส่งกลิ่นหอม + ใบตองเริ่มไหม้ ก็ใช้ได้ล่ะค่ะ ส่วนกุ้งแห้ง พิมมีแต่กุ้งแห้งตัว ๆ ค่ะ บางคนเค้าจะเอาไปแช่น้ำก่อนแล้วค่อยเอามาตำ จะได้ยุ่ยง่าย ๆ แต่ว่ากุ้งแห้งนี่พิมเพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ ตัวกุ้งยังกรอบอยู่เลยค่ะ เพราะนั้นตำง่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องแช่น้ำก็ตำง่ายค่ะ .... ก็เอากุ้งมาตำ ๆ ให้ละเอียดนิดนะคะ ส่วนจะละเอียดมากหรือน้อยก็ตามชอบเลยค่ะ จากนั้นก็ตักขึ้นใส่ถ้วยพักเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ตำกระเทียม พริก รวมกันนะคะ .. จะให้แหลกมากน้อยแค่ไหนก็ตามชอบค่ะ พอแหลกดี ก็ใส่กุ้งแห้ง กะปิ กับน้ำตาลปี๊บลงไป ........ (น้ำตาลปี๊บ พิมซื้อมาจากเพชรบุรี ห๊อมหอมค่ะ) แล้วก็เอาสากบดดดดดดดดดดขยี้ (จริง ๆ คือ ตำเบา ๆ อ่านะคะ) ... ให้กะปิ น้ำตาล กุ้งแห้ง พริก กระเทียม มันเข้ากันดี เสร็จแล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา ให้ได้รสตามชอบนะคะ (กะปิมันจะเค็มอยู่แล้ว อย่าใส่น้ำปลาเยอะไปนะคะ เดี๋ยวจะเค็มจนแก้ไม่ได้) .... ถ้าปรุงแล้วเค็มไป เปรี้ยวไป ก็เติมน้ำตาลลงไปเพิ่มได้ค่ะ (น้ำตาลของบางคนอาจจะหวานน้อย) ..... ส่วนใครอยากให้น้ำพริกไม่ข้นมาก ก็เติมน้ำต้มสุกลงไปสักหน่อยนะคะ (ไม่ใส่ก็ได้) พอปรุงรสได้ที่แล้ว ก็ตักขึ้นใส่ถ้วยงาม ๆ ค่ะ แล้วก็กินคู่กับผักสด ผักลวก ผักทอด ตามชอบเลยนะคะ ...... อย่างของพิมในวันนี้ ผักเท่าที่หาได้ในตู้เย็นและรอบรั้วบ้านก็จะมี ฟักทองอ่อน ถั่วพู ผักบุ้งจีน มะเขือลูกเล็ก ๆ ชะอม มะเขือยาว และก็ข้าวโพดอ่อนค่ะ มะเขือยาว กับชะอม ... พิมก็เอามาชุบไข่ทอด (ทอดในน้ำมันน้อย ๆ เวลากินแม้จะไม่ค่อยกรอบ แต่พิมรู้สึกว่ามันอร่อยกว่านะคะ) ส่วนผักอื่น .... ข้าวโพดอ่อน ผักบุ้ง ฟักทอง อันนี้พิมจะเอามาลวก-ต้มก่อนค่ะ (ต้มเสร็จ แช่น้ำเย็นจัดทันที) ส่วนถั่วพู มะเขือ เก็บจากที่ต้นวันก่อน ล้างให้สะอาด แล้วก็กินสดเลยค่ะ หวานอร่อยมากๆ ^^วันนี้พิมไม่มีปลาทูค่ะ ก็เลยทอดหมูแทน ...... เอาหมูสามชั้นมันน้อย ๆ หมักกับน้ำปลา น้ำตาลนิ๊ดดดดดดนึง (หมักทั้งชิ้น) แล้วพอเวลาจะทอด ก็เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กค่ะ หั่นเสร็จคลุกแป้งทอดกรอบหน่อย แล้วค่อยเอาไปหย่อนลงกระทะในขณะน้ำมันร้อน ทอดไปจนสุกเหลือง (ใช้ไฟแรงได้ เพราะหมูชิ้นบาง อย่าทอดนาน หมูจะแห้งเกินไป ไม่อร่อย และอมน้ำมัน) ........ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ล่ะค่ะ ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ ... กินกับน้ำพริกกะปิ เข้ากันดี๊ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก ครัวบ้านพิม http://www.pim.in.th/